วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2012

บารัค โอบามา “นี่คือการเลือกอนาคตของอเมริกาที่แตกต่างกันสองทาง” 2/2

คำแปลคำปราศรัยรับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สอง ของบารัค โอบามา (คำปราศรัยครึ่งแรก)
ต้นฉบับจาก NPR ตัวอักษรสีแดงคือหมายเหตุของทีมงาน SIU

ภาพจาก Flickr Barack Obama
ในโลกที่เต็มไปด้วยภัยคุกคามและปัญหาแบบใหม่ๆ คุณมีสิทธิเลือกผู้นำที่ผ่านการทดสอบงานจริงมาแล้ว เมื่อสี่ปีก่อน ผมสัญญาว่าจะจบสงครามในอิรัก และเราก็ทำได้จริง (ปรบมือ) ผมสัญญาว่าจะกลับมาโฟกัสเรื่องการก่อการร้ายที่โจมตีเราในเหตุการณ์ 9/11 และเราก็ทำได้จริง (เสียงปรบมือ) เราโต้กลับพวกตาลีบันในอัฟกานิสถาน และในปี 2014 สงครามอันยาวนานของพวกเราจะสิ้นสุดลง (เสียงปรบมือ) อาคารสูงถูกสร้างขึ้นใหม่บนเส้นขอบฟ้าของนิวยอร์ก อัลเคด้ากำลังจะพ่ายแพ้ และโอซามา บิน ลาเดน ก็ตายแล้ว (เสียงปรบมือ)
คืนนี้เราขอให้เกียรติแก่เพื่อนชาวอเมริกันของเราที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ เสียงอันตราย เราเป็นหนี้พวกเขาซึ่งเสียสละตัวเองให้ประเทศนี้ปลอดภัยไปชั่วกาลนาน เราจะไม่ลืมพวกคุณ และตราบเท่าที่ผมเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของสหรัฐ เราจะรักษากำลังทหารที่เข้มแข็งที่สุดในประวัติศาสตร์โลกต่อไป (เสียงปรบมือ) เมื่อใดที่พวกคุณถอดชุดทหาร พวกเราจะตอบแทนคุณเป็นอย่างดีสมกับที่คุณเสียสละให้ประเทศชาติ ไม่มีควรมีทหารผู้รับใช้ชาติคนไหนที่ต้องกลับมาเดินหางานทำ หาบ้านอยู่อาศัย หาเงินค่ารักษาพยาบาลเมื่อกลับมายังประเทศบ้านเกิด (เสียงปรบมือ)
เราปรับปรุงความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรเก่าแก่ และพัฒนาความสัมพันธ์กับมิตรประเทศใหม่ๆ เพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ เราเพิ่มกำลังของเราในแปซิฟิกเพื่อคานกำลังกับจีน ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลิเบีย ซูดานใต้ เราเดินหน้าเพื่อสิทธิมนุษยชนและเกียรติยศของความเป็นคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง คริสต์ อิสลาม และยิว (เสียงปรบมือ)
แต่ถึงแม้ว่าเราทำงานได้คืบหน้า ความท้าทายยังมีอยู่ เราต้องสกัดกั้นแผนการก่อการร้าย วิกฤตการเงินในยุโรปต้องคอยบรรเทา คำสัญญาช่วยเหลืออิสราเอลด้านความมั่นคงต้องไม่จางหาย เฉกเช่นเดียวกับความฝันของพวกเราที่ต้องการสันติภาพ (เสียงปรบมือ) รัฐบาลอิหร่านจำต้องเจอกับแรงกดดันของประชาคมโลกที่ไม่ต้องการนิวเคลียร์ ส่วนการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ในโลกอาหรับจะต้องไม่ตกไปอยู่ในกำปั้น เหล็กของเผด็จการ หรือผู้นำหัวรุนแรงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ต้องเป็นความหวังและแรงบันดาลใจของคนธรรมดา ผู้ซึ่งต้องการทวงสิทธิของตัวเอง เฉกเช่นเดียวกับทุกท่านที่ยืนอยู่ในวันนี้มีอยู่ (เสียงปรบมือ)
แน่นอนว่าทุกคนมีสิทธิเลือก คู่แข่งของผมและรองประธานาธิบดีของเขายังไม่ประสีประสาอะไรเลยกับนโยบายการต่างประเทศ (เสียงหัวเราะ)
แต่เท่าที่เราได้ยินได้ฟังมา พวกเขาต้องการพาเรากลับไปยังยุคสมัยแห่งการโอ้อวดและงุ่มง่าม ที่สร้างความเสียหายให้อเมริกาอย่างหนัก
นอกจากนี้ คุณคงไม่เรียกรัสเซียว่าเป็น “ศัตรูอันดับหนึ่งของอเมริกา” ใช่ไหมครับ รัสเซียนะ ไม่ใช่อัลเคด้า (เสียงหัวเราะ) เว้นเสียแต่ว่าสมองคุณยังอยู่ในหล่มปลักของสงครามเย็นอยู่อีก (เสียงปรบมือ)
ถ้าหากคุณไปชมโอลิมปิกพร้อมกับดูถูกพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของเรา * คุณก็คงไม่พร้อมที่จะเจรจากับรัฐบาลปักกิ่งใช่ไหมครับ (เสียงหัวเราะ)
(* มิตต์ รอมนีย์ เคยตั้งคำถามว่าลอนดอนพร้อมจัดโอลิมปิกจริงๆ หรือ และระบุว่าการเตรียมพร้อมของลอนดอนนั้นแย่มาก อย่างไรก็ตาม รอมนีย์เคยเป็นซีอีโอจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2004 ของสหรัฐ)
คู่แข่งของผมบอกว่าการสิ้นสุดสงครามในอิรักเป็นโศกนาฏกรรม และเขาก็ยังไม่เคยบอกว่าจะหยุดสงครามในอัฟกานิสถานอย่างไร แต่ผมประกาศชัดเจนและผมจะจบมันจริงๆ (เสียงปรบมือ) คู่แข่งของผมอาจเพิ่มงบประมาณซื้ออาวุธที่ผู้บัญชาการของเราบอกว่าไม่ต้อง การ แต่ผมจะใช้เงินก้อนนี้จ่ายหนี้ของประเทศ และสร้างงานให้กับประชาชน (เสียงปรบมือ) สร้างถนน สะพาน โรงเรียน สนามบิน สงครามใหญ่สองครั้งทำให้เราเสียคนไปนับพันชีวิต และงบประมาณอีกล้านล้านดอลลาร์ ได้เวลากลับมาสร้างประเทศของตัวเองแล้วครับ (เสียงปรบมือ)
คุณอาจเลือกอนาคตที่เราลดการขาดดุลงบประมาณโดยไม่ผลักภาระมายังคนชั้น กลาง (เสียงปรบมือ) นักวิชาการอิสระบอกว่าแผนการของผมสามารถลดการขาดดุลงบประมาณลงได้ 4 ล้านล้านดอลลาร์ และหน้าร้อนที่ผ่านมา ผมร่วมกับ ส.ส. พรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสตัดค่าใช้จ่ายลงอีกหนึ่งพันล้านดอลลาร์ เพราะเราทั้งสองฝ่ายเชื่อว่ารัฐบาลควรทำงานหนักกว่าใครในการปฏิรูปงบประมาณ เพื่อให้การทำงานคล่องตัว มีประสิทธิภาพ ตอบสนองประชาชนอเมริกันได้มากขึ้น (เสียงปรบมือ)
ผมอยากปฏิรูประบบภาษีให้เรียบง่ายและยุติธรรม คนที่ร่ำรวยมีรายได้มากกว่า 250,000 ดอลลาร์ต่อปีควรจ่ายภาษีให้มากขึ้น (เสียงปรบมือ) ในอัตราเดียวกับสมัยของประธานาธิบดีบิล คลินตัน * ในอัตราเดียวกับตอนที่เศรษฐกิจของเราจ้างงานใหม่ถึง 23 ล้านตำแหน่ง มีงบประมาณเกินดุลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีเศรษฐีเกิดใหม่เป็นจำนวนมาก (เสียงปรบมือ)
(* ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งพรรครีพับลิกัน ได้สั่งลดภาษีให้กับคนรายได้สูง หลังเป็นรัฐบาลต่อจากรัฐบาลเดโมแครตของคลินตัน)
ตอนนี้ผมยังอยากแก้ปัญหาเรื่องหนี้ร่วมกับคณะกรรมาธิการเรื่องหนี้ สาธารณะ ที่ประกอบด้วยคนจากทั้งสองพรรค ไม่มีพรรคการเมืองพรรคใดที่ฉลาดไปเสียทั้งหมด กระบวนการประชาธิปไตยต้องมีการประนีประนอม ผมต้องการแก้ปัญหานี้ให้ได้ และพวกเราทำได้
แต่เมื่อผู้ว่าการรัฐรอมนีย์และเพื่อนๆ รีพับลิกันของเขาในสภาคองเกรสบอกเราว่า เราสามารถลดการขาดดุลงบประมาณลงได้ โดยโยกงบประมาณหลายล้านล้านดอลลาร์ไปช่วยลดภาษีให้กับคนรวย อืม (บู) ท่านประธานาธิบดีบิล คลินตัน เรียกว่าอะไรนะ? อ่อ ให้บวกเลข * (เสียงหัวเราะ) คุณลองคิดเลขเองได้นี่ครับว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร
(ดูรายละเอียดใน คำปราศรัยของบิล คลินตัน)
ผมปฏิเสธแนวทางนี้ และตราบเท่าที่ผมเป็นประธานาธิบดีก็อย่าฝันว่ามันเป็นไปได้ (เสียงปรบมือ) ผมปฏิเสธไม่ให้ครอบครัวชั้นกลางต้องหยุดการจ่ายเงินค่าบ้านหรือค่าเลี้ยงลูก เพียงเพราะต้องมาจ่ายเงินชดเชยให้กับการลดภาษี (เสียงปรบมือ) ผมปฏิเสธไม่ให้นักเรียนต้องจ่ายค่าเรียนเพิ่มหรือไล่เด็กคนไหนออกจากโครงการ Head Start * เพื่อตัดประกันสุขภาพออกจากชีวิตคนอเมริกันที่ยากจน แก่ชรา หรือขาดโอกาสนับล้าน แล้วให้คนที่รวยที่สุดของประเทศจ่ายเงินน้อยลง ผมจะไม่มีวันเดินบนเส้นทางนั้น (เสียงปรบมือ)
(* Head Start คือโครงการสนับสนุนเด็กและครอบครัวรายได้ต่ำเรื่องการศึกษา สุขภาพ โภชนาการ)
และผมจะไม่มีวันเปลี่ยน Medicare เป็นระบบบัตรคูปอง * (เสียงปรบมือ) ไม่ควรมีอเมริกันคนไหนต้องใช้ชีวิตยามแก่เฒ่าโดยอาศัยความปราณีของบริษัท ประกันสุขภาพ พวกเขาควรเกษียณตัวเองโดยได้รับการคุ้มครองและเกียรติยศสมกับที่ทำงานมาตลอด ชีวิต ใช่ครับ เราจะปฏิรูปและพัฒนาโครงการ Medicare ในระยะยาว แต่เราจะปฏิรูปมันโดยลดค่าใช้จ่ายของระบบสาธารณสุขโดยรวม ไม่ใช่การขอให้คนชราจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกหลายพันดอลลาร์เพื่อชดเชย (เสียงปรบมือ)
(* ข้อเสนอของพอล ไรอัน ผู้สมัครรองประธานาธิบดีของรีพับลิกัน ดูรายละเอียดในบทความ รู้จัก ‘พอล ไรอัน’ (Paul Ryan) ผู้สมัครรองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน)
เราจะรักษาสัญญาของโครงการประกันสังคม โดยเสริมสร้างระบบนี้ให้ดีขึ้น ไม่ใช่การยกมันให้กับวอลล์สตรีท * (เสียงปรบมือ)
(* พรรครีพับลิกันเคยเสนอให้ยกเลิกระบบประกันสังคม และเปลี่ยนเป็นการลงทุนในตลาดหุ้น)

ภาพจาก Flickr Barack Obama
นี่คือทางเลือกที่เรามี นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องออกไปลงคะแนนเลือกตั้ง เราได้ยินคู่แข่งของเราพูดอยู่เสมอว่าการลดภาษีครั้งใหญ่และการผ่อนปรนกฎ ระเบียบภาคธุรกิจเป็นทางออกทางเดียวของประเทศ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถทำงานทุกอย่างได้ คู่แข่งของเราจึงบอกว่ารัฐบาลไม่ควรทำอะไรสักอย่าง ถ้าคุณไม่มีเงินจ่ายค่าประกันสุขภาพ คุณก็ได้แต่หวังว่าตัวเองจะไม่ป่วย แต่ถ้าบริษัทแห่งใดปล่อยมลพิษสู่อากาศ แล้วลูกๆ ของคุณต้องสูดดมเข้าไปล่ะ จะทำอย่างไรดี ถ้าคุณไม่มีเงินลงทุนตั้งตัวสร้างธุรกิจหรือเข้าเรียนมหาวิทยาลัย คู่แข่งของผมแนะนำให้คุณขอยืมเงินจากพ่อแม่ (เสียงหัวเราะและปรบมือ)
คุณรู้ว่าพวกเราไม่เป็นแบบนั้น นั่นไม่ใช่แนวทางของประเทศเรา ในฐานะคนอเมริกัน เราได้รับหลักประกันจากบิดาผู้สร้างชาติว่าเรามีสิทธิของตัวเอง สิทธิที่รัฐบาลหรือใครก็ตามไม่สามารถพรากไปจากเราได้ เรามีความรับผิดชอบของตัวเอง และเราเคารพความอุตสาหะของคนอื่น เราไม่ได้มีความสำเร็จมาแต่กำเนิดแต่เราต้องไขว่คว้าหามันมากเอง เรายกย่องคนที่ดิ้นรนต่อสู้ คนที่เต็มไปด้วยความฝัน คนที่กล้าเสี่ยง ผู้ประกอบการคือกำลังหลักที่ช่วยขับดันระบบเศรษฐกิจเสรีของเรา เครื่องจักรอันยิ่งใหญ่แห่งการเติบโตทางเศรษฐกิจเท่าที่โลกเคยเห็นมา
แต่เราก็เชื่อในสิ่งที่เรียกว่า “ประชาชน” (citizenship) คำนี้อยู่ในหัวใจของผู้สร้างประเทศ เป็นคำสำคัญของระบบประชาธิปไตยของเรา แนวคิดที่ช่วยให้ประเทศนี้เดินหน้าต่อไปได้จากรุ่นสู่รุ่น
เราเชื่อว่าถ้าซีอีโอของบริษัทรถยนต์จ่ายค่าแรงให้คนงานตัวเองมากขึ้น จนสามารถซื้อรถที่บริษัทของตัวเองผลิตได้ บริษัทนี้จะประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม (เสียงปรบมือ)
เราเชื่อว่าเมื่อครอบครัวชาวอเมริกันไม่ถูกหลอกให้นำบ้านไปจำนองอีก ครอบครัวเหล่านี้จะปลอดภัย และรักษาคุณค่าของบ้านที่อยู่อาศัยของคนอื่นเอาไว้ได้ เฉกเช่นเดียวกับเศรษฐกิจของประเทศนี้ * (เสียงปรบมือ)
(* หมายถึงวิกฤตซับไพร์มที่เกิดขึ้นในปี 2008 จนชาวอเมริกันจำนวนมากเสียบ้านไปเพราะระบบการเงินล่มสลาย)
เราเชื่อว่าเด็กผู้หญิงสักคนที่เอาชนะความยากจนโดยความช่วยเหลือจากครู หรือกองทุนเพื่อการศึกษา จะกลายเป็นสตีฟ จ็อบส์ คนใหม่ในอนาคต หรือกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่หาวิธีรักษาโรคมะเร็ง หรืออาจไปไกลถึงประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาด้วยซ้ำ (เสียงปรบมือ) และเราก็มีอำนาจที่จะช่วยเหลือให้เด็กผู้หญิงคนนั้นได้รับโอกาสนั้น (เสียงปรบมือ)
เรารู้ว่าโบสถ์และสมาคมการกุศลต่างๆ สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ดีกว่าโครงการของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว เราไม่ต้องการช่วยเหลือกลุ่มคนที่ไม่พยายามช่วยแก้ปัญหาของตัวเอง และเราจะไม่อุ้มธนาคารที่ทำผิดกฎจนล้มละลาย (เสียงปรบมือ)
เราไม่คิดว่ารัฐบาลสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่เราก็ไม่คิดว่ารัฐบาลเป็นสาเหตุของปัญหาทั้งหมดเช่นกัน (เสียงปรบมือ) ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้รับสวัสดิการ บริษัท สหภาพแรงงาน ผู้อพยพ กลุ่มเกย์ เราถูกโจมตีเสมอว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาของคนเหล่านี้ แต่เราเข้าใจว่านี่คืออเมริกา นี่คือประชาธิปไตย
พวกเราชาวอเมริกันรู้ว่าเรามีความรับผิดชอบและสิทธิควบคู่กันไป นี่คือชะตาชีวิตของเราที่ต้องเดินหน้าไปด้วยกัน นี่คือเสรีภาพ แต่เสรีภาพที่ไม่เคารพผู้อื่น เสีรภาพที่ไม่มีความรัก ไม่มีความเมตตา ไม่มีหน้าที่ ไม่รักชาติ ย่อมไม่ใช่เสรีภาพที่คู่ควรกับคุณค่าของประเทศ และคู่ควรกับผู้ที่เสียสละเพื่อปกป้องประเทศของเรา (เสียงปรบมือ)
ในฐานะประชาชน เราต้องไม่ถามว่าอเมริกาให้อะไรกับเรา แต่ต้องถามว่าเราทำอะไรให้กับอเมริกาด้วยกัน (เสียงปรบมือ) ถึงแม้จะยากลำบากและเหน็ดเหนื่อย แต่การแสดงออกเพื่อประเทศเป็นเรื่องที่ได้ผลเสมอ นี่คือสิ่งที่เราเชื่อ
คุณคงทราบดีว่า การเลือกตั้งเมื่อสี่ปีก่อนไม่ใช่เรื่องของผม แต่เป็นเรื่องของคุณ (เสียงปรบมือ) ประชาชนที่รัก พวกคุณนั่นแหละคือการเปลี่ยนแปลง (เสียงปรบมือ)
พวกคุณคือคนที่ช่วยให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ในฟีนิกซ์ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ เหตุเพราะบริษัทประกันไม่สามารถจำกัดวงเงินประกันได้อีกต่อไป พวกคุณเป็นคนทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้น (เสียงปรบมือ)
พวกคุณคือคนที่ช่วยให้ชายหนุ่มในโคโลราโดได้เรียนแพทย์ ทั้งที่ชีวิตของเขาไม่นึกฝันว่าจะเป็นจริง พวกคุณเป็นคนทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้น (เสียงปรบมือ)
พวกคุณคือคนที่ช่วยให้เด็กน้อยผู้อพยพโตขึ้นมาในสหรัฐ เข้าเรียนในโรงเรียน และปฏิญาณตนว่าจะปกป้องอเมริกา ไม่ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศถิ่นกำเนิด (เสียงปรบมือ) ทำไมทหารที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอื่นๆ นับพันถึงได้อยู่ในกองทัพของเรา เพราะว่าเขารักประเทศของเรา ยินดีต้อนรับสู่บ้านใหม่ (เสียงปรบมือ) พวกคุณเป็นคนทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้น พวกคุณนั่นแหละ
ถ้าคุณหันหลังกลับไปมองอดีตเมื่อสี่ปีก่อน ถ้าคุณเชื่อคำพูดโจมตีว่าการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงของเราไม่มีวันเป็นไป ได้ ทุกวันนี้เราคงไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ว่า ถ้าคุณยอมแพ้และเลิกคิดว่าคะแนนเสียงของคุณเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ มันจะกลายเป็นช่องว่างให้กับเหล่าล็อบบี้ยิสต์ กลุ่มผลประโยชน์ คนที่ยินดีจ่ายเงิน 10 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อการเลือกตั้ง และพยายามปิดกั้นไม่ให้คุณไปลงคะแนนได้ง่าย คนกลุ่มนี้คือนักการเมืองในวอชิงตันที่พยายามกำหนดชะตาชีวิตว่าคุณควรแต่ง งานกับใคร คุณมีโอกาสเลือกประกันสุขภาพได้กี่แบบ ทั้งที่เรื่องพวกนี้เราควรมีสิทธิเลือกเอง (เสียงปรบมือ) พวกคุณคือคนที่ช่วยให้สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นกับอเมริกาได้ พวกคุณเท่านั้นที่มีพลังพาประเทศของเราไปข้างหน้า
รู้ไหมครับว่า ผมจำเวลาที่พูดต่อที่ประชุมแห่งนี้เป็นครั้งแรกได้ เวลาผ่านมาแล้วสี่ปี เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ผมไม่ใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้งแล้ว แต่ผมเป็นประธานาธิบดี
(ผู้ชม: อีกสี่ปี อีกสี่ปี)
และนั่นแปลว่าผมรู้ว่าการส่งคนหนุ่มสาวอเมริกันไปร่วมรบเป็นอย่างไร ผมเคยโอบกอดพ่อแม่ที่ลูกไม่มีวันได้กลับบ้าน ผมเข้าใจความเจ็บปวดของคนที่สูญเสียบ้านไปกับเศรษฐกิจ และความอัดอั้นของคนงานที่ต้องตกงาน ถ้าคนที่วิจารณ์ผมบอกว่าผมตัดสินใจต่อนโยบายทุกข้อด้วยเสียงโหวตจากโพล ก็แปลว่าผมคงสอบตกอ่านผลโพลไม่ค่อยออกแล้วล่ะ (เสียงหัวเราะ)
ผมภูมิใจที่เราฝ่าฝันแก้ปัญหามาด้วยกัน ผมเข้าใจความผิดพลาดของตัวเองมากขึ้น ผมเริ่มเข้าใจที่ประธานาธิบดีลิงคอล์นเคยพูดไว้ว่า “ผมถึงกับต้องสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า เพราะผมเชื่อว่าไม่มีทางออกอื่นแล้ว” *
(* ประธานาธิบดีลิงคอล์น ไม่เคร่งศาสนามากนัก เขาพูดคำพูดนี้เมื่อฝ่ายเหนือของสหรัฐแพ้ศึกสงครามกลางเมืองครั้งหนึ่ง ให้ความหมายว่าสถานการณ์เลวร้ายขนาดคนอย่างเขายังต้องหันหน้าไปพึ่งพระเจ้า ต้นฉบับคือ “I have been driven to my knees many times by the overwhelming conviction that I had no place else to go.” โอบามาหมายความว่าภาระการเป็นประธานาธิบดีนั้นหนักหน่วงมาก)
แต่เมื่อผมมายืนอยู่ตรงนี้ ผมมีความหวังต่ออเมริกามากแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน (เสียงปรบมือ) ไม่ใช่เพราะผมคิดว่าผมมีทางออกสำหรับทุกปัญหา ไม่ใช่เพราะผมไร้เดียงสาไม่รู้ว่าปัญหาของเรายิ่งใหญ่แค่ไหน
แต่ผมมีความหวังเพราะผมรู้ว่ามีพวกคุณอยู่
ผมพบผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อครั้งไปเดินงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์ งานวิจัยด้านชีววิทยาของเธอชนะรางวัลระดับชาติ แต่ตัวเธอและครอบครัวกลับไม่มีบ้านอยู่อาศัย เธอให้ความหวังกับผม (เสียงปรบมือ)
คนงานผลิตรถยนต์คนหนึ่งตกงานเพราะโรงงานใกล้ปิดตัว เขาถูกล็อตเตอรี่ แต่กลับยังมาทำงานทุกวัน และซื้อธงชาติอเมริกาแจกคนทั้งเมือง แถมยังปักธงอเมริกาไว้บนรถที่เขาสร้างขึ้นเพื่อภรรยาโดยเฉพาะ เขามอบความหวังให้ผม (เสียงปรบมือ)
ครอบครัวนักธุรกิจแห่งหนึ่งในเมือง Warroad รัฐมินเนสโซต้า ไม่ได้ปลดพนักงาน 4,000 คนออกแม้สักคนเดียวเมื่อเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าคู่แข่งของพวกเขาจะปิดโรงงานไปเป็นสิบ เหตุเพราะว่าเจ้าของรู้ว่าทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาคือชุมชน และคนงานที่ช่วยสร้างธุรกิจมาด้วยกัน พวกเขามอบความหวังให้ผม (เสียงปรบมือ)
ผมเจอทหารเรือหนุ่มคนหนึ่งที่โรงพยาบาล Walter Reed เขานอนพักรักษาตัวจากระเบิดที่ทำให้เขาเสียขาตั้งแต่เข่าลงไป หกเดือนต่อมาเราเชิญเขาเดินเข้ามารับประทานอาหารค่ำในทำเนียบขาว ร่วมกับทหารที่ผ่านสมรภูมิอิรัก เขาอ้วนขึ้น สวมชุดทหารสง่างาม ยืนอยู่บนขาใหม่ของตัวเอง ผมจำได้ว่าทหารเรือคนนี้ยังแข่งจักรยานกับทหารที่บาดเจ็บคนอื่นๆ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนทหารที่เพิ่งประสบเหตุต่อตัวเอง เขามอบความหวังให้ผม (เสียงปรบมือ) เขามอบความหวังให้ผม
ผมไม่รู้ว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้เลือกพรรคไหน ผมไม่รู้หรอกครับว่าเขาลงคะแนนให้ผมหรือเปล่า แต่ผมรู้ว่าจิตวิญญาณของพวกเขาสร้างตัวตนของเราขึ้นมา พวกเขาทำให้ผมระลึกถึงคำในพระคัมภีร์ว่า อนาคตของเราเต็มไปด้วยความหวัง ถ้าคุณศรัทธาในสิ่งเดียวกับผม ถ้าคุณเชื่อในความหวังอันเดียวกัน ผมขอให้พวกคุณลงคะแนนให้ผม
(เสียงปรบมือ)
ถ้าคุณปฏิเสธความคิดที่สงวนประเทศชาติให้คนเพียงกลุ่มเล็กๆ คะแนนโหวตของคุณจะแสดงออกในการเลือกตั้งครั้งนี้ (เสียงปรบมือ)
ถ้าคุณปฎิเสธความคิดว่ารัฐบาลของเราเป็นของคนที่จ่ายเงินให้มากที่สุดตลอดไป คุณต้องแสดงออกผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ (เสียงปรบมือ)
ถ้าคุณเชื่อว่าโรงงานใหม่ๆ จะช่วยสร้างประเทศ แผนพลังงานชนิดใหม่ๆ จะเป็นแรงขับเคลื่อนอนาคต โรงเรียนจะเป็นบันไดสู่โอกาสของคนที่มีความฝัน ถ้าคุณเชื่อในประเทศที่ทุกคนเท่าเทียมกัน อยู่ภายใต้กฎอันเดียวกัน ผมขอให้คุณโหวตให้ผมในเดือนพฤศจิกายนนี้ (เสียงปรบมือ)
ผมไม่เคยบอกอเมริกาว่าการเดินทางครั้งนี้ง่าย และผมก็ไม่สัญญาอะไรแบบนั้นในอนาคต เส้นทางของเรายากลำบาก แต่มันจะนำไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางของเราอาจยาวนาน แต่เราจะเดินทางไปด้วยกัน
เราจะไม่หันหลังย้อนกลับ แต่เราก็ไม่ทอดทิ้งใครไว้เบื้องหลัง เราจะพาทุกคนไปด้วยกัน เราดึงพลังมาจากชัยชนะและเรียนรู้จากความล้มเหลว แต่ถ้าหากเรายังมองเป้าหมายที่ปลายขอบฟ้า รู้ว่าโชคชะตายืนอยู่ข้างเรา เราย่อมภูมิใจที่เป็นประชาชนของชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก


บารัค โอบามา ผู้นำเดโมแครต การขับเคลื่อนสหรัฐอเมริกาสมัย 2

เลือกตั้งสหรัฐฯ ไม่ว่าใครเป็นผู้นำ พญาอินทรีย์ตัวนี้ก็ยังคงมีท่าบินเหมือนเดิม..ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ สรุปแล้วว่าบารัค โอบามาจะยังคงครองตำแหน่งผู้นำประเทศได้อีกเป็นสมัยที่ 2 แต่การชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือน ครั้งแรกนัก เพราะคะแนนโหวตที่ให้กับมิตต์ รอมนีย์หลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้น เล่นเอาทั้งผู้นำเดโมแครตและแฟนคลับโอบามาต้องลุ้นคะแนนโหวตแบบหืดขึ้นคอ ขณะที่มิตต์ รอมนีย์เอง ดูฟอร์มแล้วไม่น่าจะมาไกลถึงขนาดที่มีคะแนนสูสีขนาดนี้ แต่วันนี้ เราต้องยอมรับว่า เขาทำได้แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นเพราะนโยบายเศรษฐกิจที่มีความเป็นรูปธรรม และตอบโจทย์ชาวอเมริกันมากกว่า!

เลือกตั้งสหรัฐอเมริกา บารัค โอบามา ภาพจาก Barack Obama
เป็นไปได้ว่าคะแนนที่หดหายของโอบามาในสมัยแรก และการเบียดขับ เข่นเคี่ยวกันจนคะแนนโหวตของรอมนีย์ที่ขึ้นมาได้ขนาดนี้ สืบเนื่องจากการจ่อมจมอยู่กับปัญหาการเมืองระหว่างประเทศและปัญหาความมั่นคง ที่รุกไล่ทีมของผู้นำบารัค โอบามาเสมือนหนึ่งเล่นเกมงูกินหาง ไหนจะต้องตามล่าสังหารอุซมาห์ บินลาเดน ตัวการสำคัญที่เป็นผู้ท้าทายอำนาจสหรัฐฯ ตัวฉกาจ และเป็นสิ่งที่เขาให้คำมั่นไว้ในสมัยแรก
ตลอดจนการไล่ต้อนกลุ่มผู้นำในประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนืออย่างไม่หยุดยั้ง เพราะกระแสอาหรับสปริงที่ทำให้เขาเชื่อว่ามวลชนในโลกอาหรับต้อนรับกระแส ประชาธิปไตยอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ไหนเลยประเทศต้นแบบแห่งประชาธิปไตยจะอยู่เฉย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐฯ ผู้เป็นเสมือนตำรวจโลกมาเนิ่นนาน จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง คือการรับมือกับจีน สหรัฐฯ จะยังคงเดินเกมปิดล้อมจีนต่อไป โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ที่แม้รอมนีย์จะประกาศกร้าวเสมือนว่าจีนเป็นศัตรู แต่โอบามาเห็นว่าจีนคือคู่แข่ง และเป็นคู่แข่งที่สำคัญจนต้องใช้การทูตผูกมิตรชาติในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผูกสัมพันธ์กับประเทศที่เห็นจีนเป็นศัตรู และการแสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือชาติในเอเชียที่มีความขัดแย้งระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการเห็นด้วยกับท่าทีของญี่ปุ่น กรณีความขัดแย้งหมู่เกาะเตี้ยวหยูวหรือหมู่เกาะเซนกากุ หรือกรณีหมู่เกาะทาเคชิม่าหรือหมู่เกาะต็อกโตที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้บาดหมาง กัน
รวมถึงอีกกรณีที่มีนัยสำคัญต่อจุดยืนและท่าทีของอาเซียน คงเป็นประเด็นใดไม่ได้ถ้าไม่ใช่กรณีของหมู่เกาะทะเลจีนใต้ ที่สหรัฐฯ โดดเข้ามาสนับสนุนทั้งเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ฯลฯ อย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะด้วยการกล่าวถ้อยแถลงที่สนับสนุนการทูตพหุภาคีในอาเซียนเพื่อแก้ไข ปัญหา หรือการแสดงท่าทีแข็งขืน ไม่เห็นด้วยกับจีนที่จะดีลปัญหาด้วยการทูตทวิภาคีแบบรัฐต่อรัฐ

เดโมแครต เลือกตั้งสหรัฐ บารัค โอบามา ภาพจาก Democrats
ประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นท่าทีของสหรัฐฯ ที่มีต่อปัจจจัยภายนอกประเทศ แต่ช่วยรักษาภาพลักษณ์อันทรงอำนาจของสหรัฐอเมริกาที่ยากจะมีใครลูบคม แต่ปัจจัยภายในที่โอบามาเฝ้าจ่อมจมอยู่กับการแก้ไขปัญหา คงหนีไม่พ้นเรื่องประกันสุขภาพและการรักษาผลประโยชน์ของชนชั้นกลางที่เป็น ฐานเสียงหลัก มากกว่าจะมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
การพยายามแก้ปัญหาด้านนี้อย่างเห็นได้ชัดจากโอบามาฯ น่าจะเป็นเรื่องผูกมิตรกับต่างประเทศและกดดันให้ซื้อสินค้าส่งออกจากสหรัฐฯ ตลอดจนการดำเนินนโยบายอุ้มกลุ่มทุน อุตสาหกรรมรถยนต์ ธนาคาร เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐให้ดำเนินต่อไป แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดปรากฎการณ์ยึดครองวอลล์สตรีท หรือ Occupy Wall Street ด้วย และแน่นอนว่าโวหารของเขายังคงครองใจประชาชนเช่นเดิม แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมา ทำให้เห็นว่าเขายังพูดมากกว่าทำในด้านเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ เศรษฐกิจที่ติดหล่มปลักของสหรัฐฯ กำลังค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ โดยภาพรวมของประเทศเอง ที่ค่อยๆ เป็นไป มากกว่าจะขับเคลื่อนหรือแก้ปัญหาได้ด้วยผู้นำประเทศ แน่นอนว่า หากสมัยหน้าเขาจะยังต้องการให้เก้าอี้ผู้นำประเทศเป็นของเดโมแครตอยู่ ทีมรัฐบาลจะต้องทุ่มเททุกสรรพกำลังเพื่อเร่งฟื้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ มากกว่าการหมกมุ่นกับการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงอย่างที่เคยเป็นมา